วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โครงการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม




Home by Yann Arthus-Bertrand


Home เป็นสารคดีที่มีสาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปของโลกเมื่อมนุษย์เริ่มกำเนิดขึ้นบนโลก สาระเนื้อหาของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จำบรรยายถึงผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยของมนุษย์ตั้งแต่เริ่มมีสิ่งมีชีวิตบนโลกจนถึงยุคสมัยแห่งความเจริญของมนุษย์ผู้คุกคามสมาชิกครอบ-ครัวในบ้านหลังเดียวกัน บ้านที่ว่าก็คือโลกที่เราเหยียบอยู่นั้นเอง ปัจจับต่างๆ ที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกก่อกำเนิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นดิน ต้นไม้ อากาศ น้ำ อาหาร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นให้เพียงพอกับสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างสมดุล จนกระทั้งมนุษย์เริ่มพัฒนากลไกการใช้ชีวิตด้วยความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีมากขึ้นจนเสียสมดุล ด้วยความโลภและความต้องการที่เพิ่มขึ้นเลื่อยๆ เเละไม่มีทางสิ้นสุด ได้เผาผลาญมรดกที่โลกมอบไว้ให้ราวกับเปลวไฟที่จะไหม้และลามไปเลื่อยๆ หากไม่มีการควมคุม โลกใบนี้อาจจะไม่เหลืออะไรไว้ให้ใครเลยก็เป็นได้ ความเจริญ ความสะดวกสบายที่ต้องแลกมาด้วยความเดือดร้อนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ รวมทั้งตัวมนุษย์บางกลุ่มเองนั้น น้อยคนนักที่กำลังคำนึงถึงปัญหานี้อยู่ ห่วงโซสิ่งมีชีวิตเริ่มเสียหาย สิ่งมีชีวิตบางชนิดสูญพันธุ์และใกล้จะสูญพันธุ์อันเป็นผลที่เกิดจากผลกระทบของความโลภมนุษย์ ความเจริญที่ยอดเยี่ยมที่พวกเราอ้างขึ้นมาเพื่อใช้มันโดยไม่รู้สึกผิด จริงๆ แล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับคำว่า “เห็นแก่ตัว” ที่เบียดเบียนผู้อื่นเพียงเพื่อความสุขของตนเอง หากเรายังคงดำเนินชีวิตแบบนี้โดยไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมโลกของเราแล้ว ในอนาคตทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามองไม่เห็นจะกลับมาทำลายตัวของพวกเราเอง



Home เป็นสารคดีที่นำเสนอเนื้อหาได้น่าสนใจมาก ทั้งทางภาพแล้วคำพูดที่ค่อยชวนให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวจนจบทั้งเรื่อง ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เพราะสามารถดึงคนดูให้ติดตามและรับสารที่ต้องการสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำพูดที่เข้าใจง่าย มีประเด็นและไม่น่าเบื่อ อีกทั้งภาพประกอบของหนังสารคดีเรื่องนี้ก็สวยแล้วไม่น่าเบื่ออีกด้วย ด้วยมุมมองจากด้าบนที่สื่อถึงการมองดูโลกเป็นของที่เล็กกว่า และภาพที่สวยงามของพื้อผิวโลกและองค์ประกอปที่สวยงาม ดึงผู้ชมให้ติดตามเรื่องราวผิดกับหนังสารคดีบางเรื่องที่มีมุมกล้องที่ไม่น่าสนใจ และชวนง่วง
ภาพประกอบดังกล่าวไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว มันยังสามารถสร้างทัศคติให้กับผู้ชมให้เกิดความรักโลกที่อยู่อาศัยมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ประสบความสำเร็จไม่ใช้ในแง่ของการให้ความรู้ แต่ยังรวมไปถึงการกระตุ้นให้พวกเขาร่วมกันอนุรักษ์เพื่อธรรมชาติไม่ให้สูญเสียไปมากกว่านี้อีกด้วยการที่หนังเรื่องนี้ได้เปิดมุมมองของโลกที่แสนจะสวยงามแต่ความสวยงามนั้นกำลังจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ทำให้ผู้ชมตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในโลกที่เราเรียกว่า “บ้าน” ได้เห็นถึงสิ่งต่างๆ ที่ทุกคนมองข้าม ซึ่งอันที่จริงมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากอย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงเรื่องทรัพยากรหมดโลก ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของสัตว์อันเป็นสาเหตุของการลดจำนวนลง เป็นต้น ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เป็นมากกว่าความรู้ มันเป็นกระจกที่ส่องโลกให้ผู้อื่นได้รู้ถึงความเป็นไปของดาวเคราะห์ที่กำลังจะตาย

จากการชมภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ผมได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ปัญหาต่างๆ ที่อยู่ใกล้เเค่เอื้อมแต่กลับไม่เคยรู้จัก ก็ได้รู้จักได้พบเห็น หลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปในอดีตที่ผมใช้กระดาษอย่างสิ้นเปลือง ใช้น้ำสิ้นเปลือง ไม่รู้จักคุณค่าของของที่มี ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้มีให้ใช้เหมือนกับเรา สำหรับผมแล้ว ผมชอบภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้มาก เพราะมันสอนให้ผมได้รู้จักคำว่า “ประหยัด”ที่ผ่านมาผมมักใช้ชีวิตด้วยความสิ้นเปลือง โดยเฉพาะเรื่องการใช้กระดาษ ผมเป็นคนที่ใช้กระดาษสิ้นเปลืองมาก ใช้โดยไม่คำ-นึงถึงสิ่งที่สูญเสียไป ไม่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่สูงสุด การที่ผมได้ชมภาพยนตร์สารคดีนี้ทำให้ผมตระหนักว่ากระดาษที่เราใช้กันอยู่ มันคือชีวิตหลายที่สูญเสียไป ไม่ใช้เเค่ต้นไม้แต่เมื่อต้นไม้ถูกตัด ชีวติที่ต้องพึ่งพาต้นไม้ก็ถูกตัดไปด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นเราควรที่จะให้ความสูญเสียนั้นถูกนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด อย่าให้มันตายไปโดยไร้ประโยชน์



หากคนเรายังคงอุปโภคบริโภคโดยไม่คำนึงถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ใช้มรดกทรัพยากรที่โลกให้ไว้ด้วยความสิ้นเปลืองในอนาคตอาจจะไม่เหลือไว้ให้ลูกหลานได้ใช้อีกเลยก็เป็นได้ ไม่แน่สาขาอาชีพนักออกแบบอาจจะต้องสูญพันธุ์ไปด้วยเหมือนกัน เพราะทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะออกแบบอะไรได้อีกเลย
Keywords
01. ความเจริญ
02. การอพยพ
03. ความต้องการ
04. ความอยู่รอด
05. การเกษตร
06. อุสาหกรรม
07. ทรัพยากรธรรมชาติ
08. น้ำมัน
09. ภาวะโลกร้อน
10. การสูญพันธุ์


นิทรรศการ ADC ครั้งที่ 88 และ Young Gun ครั้งที่ 7 (งานชิ้นที่ 2)










งานชิ้นนี้ก็เป็นอีกหนึ่่งงานที่น่าสนใจ งานพวกนี้เป็น Ad โฆษณาอาหารเช้าชนิดหนึ่งที่ไม่มีคอเลสเตอรอลและดีต่อสุขภาพ ยี่ห้อ Cheerios งานที่เขาสื่อออกมาก็ตรงโจทย์สินค้าของเขาอย่างชัดเจน โดยภาพรวมของเขาจะเป็นลายIlustate ของกระแสเลือดและหัวใจที่สื่อถึงกระแสเลือดที่เต็มไปด้วยความร่าเริงความสนุกสนานเมื่อมีสุขภาพแข็งแรงงานออกแบบชิ้นนี้เป็นงานที่ตรงแนวความคิดมาก และ Ad ที่ทำออกมา 4 ชิ้นก็ดูเป็น set เดียวกันอีกเดียว เสน่ห์ของงานชิ้นนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ Ad ในแต่ละ Ad มี Theme ที่เป็นของตัวมันเองอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากลักษณะการจัดวางที่ดูไม่เหมือนกันมากแต่ยังคงความเป็น Set เดียวกัน ในแต่ละPoster จะเห็นได้ว่าทุกอย่างในแต่ละtheme ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

จากเท่าที่ดูในรูปจะเห็นได้ว่าเมื่อภาพต่างกัน Graphic Element ที่ใช้ก็ต่างกันด้วย เพื่อให้ทุกอย่างเข้ากันในตัว Poster แต่ละใบ นี้เป็นจุดๆ หนึ่งที่ผมชิ้นชอบมาก เพราะงานชิ้นนี้ไม่ได้สื่อสารเพียงอย่างเดียวเเต่ความสวยงามและความดึงดูดที่น่าสนใจของมันยังสามารถทำงานได้ดีคู่กับ Fuction ของมันได้เลย

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทรรศการ ADC ครั้งที่ 88 และ Young Gun ครั้งที่ 7 (งานชิ้นที่ 1)


นิทรรศการ ADC ครั้งที่ 88 และ Young Gun ครั้งที่ 7



งานชิ้นที่ 1

งานชิ้นนี้เป็นงาน Environment Design ที่ถึงว่าดีชิ้นหนึ่ง เพราะถึงเป็นการนำเอาสิ่งที่ใกล้ตัวมาก
มาสร้างเป็นงานออกแบบได้ โดยยังคงความหมายและการใช้งานอยู่ ทางม้าลายเป็นอะไรที่ถึงว่าอยู่ในชีวิต
ของทุกคน แต่ก็ยังไม่มีการออกแบบให้นอกเหนือจากรูปทรงที่เราคุ้นเคยคือเป็นทางสลับขาวดำเท่านั้น แต่
ใครจะนึกว่าเจ้าทางม้าลายธรรมดานี้จะสามารถสร้างงานและออกแบบให้แตกต่างได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่น
นี้ จากในรูปจะพบว่าการออกแบบทางม้าลายนั้น ไม่ใช้แค่การทำให้มันแตกต่างและน่าสนใจเพียงอย่างเดียว
แต่หากการออกแบบชิ้นนี้ไม่เป็นไปอย่างระมัดระวัง อาจจะทำให้งานชิ้นนี้ไม่ประสบความสำเร็จ คือผู้คนอาจ
จะคิดว่านั้นเป็นแค่ลายกราฟฟิกธรรมดา สวยๆ ที่อยู่บนถนนเท่านั้น แต่จากในรูปการออกแบบของเขานั้น
ถือได้ว่าไม่ทำให้เกิดปัญหาที่ว่าเลย ด้วยรูปทรงที่คงเดิมของทางม้าลายแล้วนำเอาสิ่งๆ อื่นที่มีรูปทรงคล้าย
กันอย่างเช่น Bar Code มาเล่นกับพื้นถนน ก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ ดูมาก ทำให้ถนนเส้นนี้ดูน่าข้ามไป

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การแบ่งหมวดหมู่ความเป็นไทย


ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าการแบ่งเป็น 4 หมวดคือ ไทยเดิม ไทยท้องถิ่นไทยเมือง และไทยร่วมสมัย ไม่สามารถนำมาอยู่ด้วยกันได้ ควรจะแบ่งออกเป็น2 ต่อ 2 คือ ไทยเดิม กับ ไทยร่วมสมัยและ ไทยชนบท กับ ไทยเมือง

เหตุผลคือ ไทยเดิม กับ ไทยร่วมสมัยเป็นเรื่องของกาลเวลาหรือสมัย เเต่ไทยชนบท กับ ไทยเมือง เป็นเรื่องของสถานที่หรือที่ตั้งมากกว่า ดังนั้นหากทั้ง 4 มารวมอยู่ด้วยกันอาจจะก่อให้เกิดการสับสนและยากต่อการเข้าใจ

อย่างไรก็ดี ไทยเมืองและชนบทก็มีการแบ่งออกเป็นในอดีตและปัจจุบันอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปอยู่ร่วมกับไทยเดิมและไทยร่วมสมัยได้ เพราะถ้าอยู่ด้วยกันไปก็มีเเต่จะทำให้สับสนยิ่งขึ้นไปอีก
เหมือนกับ 2 รูปข้างบนที่มีการแบ่งวิถีชีวิตอย่างชัดเจนของสังคมไทยเดิมที่มีการละเล่นต่างๆ ในขณะที่สังคมไทยร่วมสมัยเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่มีเทคโนโลยีของต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลกับการใช้ชีวิต
ไทยเดิม - Thai Classical - Thai Traditional = High Arts

ไทยร่วมสมัย - Contemporary Thai


จะเห็นได้ว่าคนในสมัยก่อนใช้ชีวิตต่างจากคนไทยในโลกเเห่งวัตถุโดยสิ้นเชิง ความงดงามทางศิลปะไทยเดิมค่อนข้างถูกอิทธิพลของต่างชาติเข้ามาเล่นงานค่อนข้างมาก
ไทยท้องถิ่น - ชนบท - ต่างจังหวัด - Thai local


ไทยเมือง - Thai Metropolis - Thai Urban

เช่นเดียวกันวิถีชีวิจของคนในเมืองและในชนบทก็ต่างกัน คนในชนบทจะใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายไม่เร่งรีบเหมือนคนในกรุง ที่ต้องรีบตื่นเเต่เช้าเพื่อไปทำงาน หรือเเม้เเต่การใช้ชีวิตในบ้านก็ต่างการเหมือนกัน คนในชนบทจะทำความรู้จักกันกับเพื่อนบ้าน ในขณะที่คนในเมืองที่อยู่ห้องติดกันเเต่กลับไม่รู้จักกันเลยก็มีไม่น้อย